วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วัดศรีเวียงชัย
วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551
วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2551
วัดศรีดอนมูล
พิพิธภัณฑ์ชุมชน
วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551
WAT PHRA YUEN (วัดพระยืน) Lumphun
Amphoe Muang. Legend has it, that Queen Chamthewi, the first ruler of Hariphunchai, the Hariphunchai, the former name of Lamphun, ordered the temple built in 670, after she had ruled for eight years. However, some historians believe that King Amikarai of Hariphunchai built this temple in the 17th century of the Buddhist calendar (around 700 years ago). Officially named Wat Aranyikaram, the temple houses a chedi with four Buddha images in standing posture facing the four diredtions. The arched roof is topped with round- and bell- shaped ornamental finial - an architecture similar to the of Bagan in Burma and Wat Pak Sak in Chiang Rai.
อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองนครหริภุญชัย หรือ เมืองลำพูนมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัยหลังจากที่พระนางได้รับเชิญจากพระฤาษีวาสุเทพผู้ก่อตั้งเมือง ขึ้นมาครองเมืองได้ 8 ปี จึงได้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1213 เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระสังฆเถระที่ติดตามมาจากเมืองละโว้มีชื่อว่า วัดอรัญญิการาม หรือวัดพระยืนในปัจจุบัน บางแห่งก็ว่าพระเจ้าอัมมิกราชกษัตริย์หริภุญชัยเป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 17 สิ่งที่สำคัญภายในวัดก็คือ พระเจดีย์ทรงมณฑป มีพระพุทธรูปยืนทั้งสี่ทิศ เครื่องบนประกอบด้วยเจดีย์ห้ายอด โดยมีเจดีย์ทรงระฆัง และเจดีย์ทรงกลมขนาดเล็กเป็นประธาน คล้ายคลึงกับอานันทเจดีย์ที่เมืองพุกาม และเจดีย์วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย
วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2551
Lamphun
Eminent Buddha relics, Holy "Phra Rod" amulet, Good quality Longans and Garlic, Beautiful cultural traditions, Memories of Queen Chama Devi of The Hariphunchai Kingdom.
Wat Mahawan
วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551
The Sunset
King Mangrai realized that Hariphunchai was too small and full of temples, so he was unable to extend the city. As a result, he moved the capital to “Wiang Cha Ware” or “Wiang Jae Jiang Kum.” (At present, the site is still unknown. Many assume that it should be in the area of Sob Ping Ling Ha near Wat Sri Boon Yun.) He later eastablished “Wiang Kumkam” and Nopburi Sri Nakornping Chiang Mai” respectively. In 1296, Chiang Mai was established as the center of Lanna.
Later, around 15 kings of Mangrai dynasty ruled Lanna. Until 1558, King Burengnong of Myanmar invaded the region. At that time, Lamphun was part of Chiang Mai so it was occupied by Myanmar for mor than 200 Years
ลอดลายไม้แกะสลัก
เฮือนบ่าเก่าจาวยอง หรือบ้านโบราณชาวไทลื้อ-ไทยอง เป็นสถาปัตยกรรมอีกมิติหนึ่งที่ทรงคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ มีอัตลักษณ์เฉพาะด้วยการประดับแท่งเสาที่หน้าจั่วด้วย “สะระไน” พบมากที่ตำบลมะกอก แม่แรง อำเภอป่าซาง และตำบลต้นผึ้ง อำเภอเวียงหนองล่อง รวมไปถึงเรือนไม้ประเภท หลองข้าว (ยุ้งฉางข้าว) ต๊อมน้ำ (ที่อาบน้ำ) ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนยองในลำพูนเมื่อ 200 ปีที่ผ่านมา เครื่องสักการบูชาที่ใช้ภายในพระวิหาร อุโบสถได้แก่ สัตตภัณฑ์ หรือเชิงเทียน 7 เล่ม ตุงกระด้าง (ธงที่ทำด้วยไม้) เครื่องสูงจำลอง ปราสาทจำลัง ธรรมาสน์ พระพุทธรูปไม้ปิดทองระบายสี พานขันดอก ขันแก้วทั้งสาม ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือ หนึ่งในความภูมิใจของชาวลำพูนที่ได้สืบทอดฝีมือช่างมาสู่หมู่บ้านหัตถกรรมไม้แกะสลัก
Woodcarving of Lamphun
“Huen Ba Kao Jao Yong,” or an ancient house of Tai Lue-Tai Yong people, is another architecture that should be preserved. Its uniqueness is a pillar decorated with “Sa Ra Nai” located near the pediment. This can bemostly found at Ma Kok and Mae Reng sub-districts of Pa Sang district and also at Ton Phung sub-district. Wooden buildings such as rice barn and bathroom also have the same kind of architecture, and this reflects the way of life of Yong people in Lamphun 200 years agoLamphun since they are heritages left behind by craftsmen in the past and passed on to woodcarving villages in Mae Tha district. Besides handicrafts,Lamphun has a contemporary national artist, Inson Wongsam, and a national local-knowledge teacher, Sompol Lasakul.